ผมกล้าบอกคนอื่นเสมอว่า ผมใช้กล้องหลักเป็น Fujifilm และ ผมเป็น Fanboy Fuji แต่นั่นมันก็เรื่องเมื่อสักปีที่แล้ว เพราะตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า “กล้องตัวถัดไป" ผมจะยังได้ซื้อ Fuji อีกหรือไม่?
ย้อนไปวันแรก ๆ ผมย้ายมาใช้ Fujifilm ด้วยเหตุผลว่าสามประการคือ
1. ราคา
2. ความคุ้มค่าต่อ Spec
3. อนาคตที่คาดหวังได้จาก Lens Roadmap
ซึ่งผมก็ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการป้ายยาให้มิตรสหายหลาย ๆ คนรอบตัวมาใช้ Fuji ด้วย Fujifilm แบ่ง Segment ของ X-Series ไว้ค่อนข้างชัดเจน เข้าใจง่าย ทำให้เวลาแนะนำคนที่ยังไม่เคยมีกล้องสามารถตัดสินใจในการเลือกกล้องตัวใหม่ของตัวเองได้ง่ายขึ้น
– Casual และ Selfie เน้นใช้ง่าย ไม่ต้องคิด Point & Shoot ไป X-T00, X-A00, X-A0 โลดดดด
– Intermediate ที่อยาก Mode เยอะขึ้น สั่งการกล้องได้ละเอียดขึ้น แต่ยังมี Mode Full Auto ไว้ให้ใช้งาน ไป X-T00, X-E0,
– Professional ผู้ต้องการกล้องที่ สมถนะสูง ทนทาน ทำอะไรได้เยอะ สั่งการได้ละเอียด ต่ออุปกรณ์ภายนอกได้ ปรับโน่นนี่ได้ตามใจ Shortcut เยอะ มีทั้ง Directional Pad และ Joystick แล้วก็ไม่สนใจ Mode ช่วยถ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ไป X-T0, X-Pro0, X100-, X70
ผมเริ่มสะดุดกับ Fujifilm ตอนเปิดตัว XF10 ที่ลด Spec ลงจาก X70 Premium Compact จาก X-Trans เป็น Bayer ธรรมดา แต่ราคาก็ลดลงด้วย ผมก็เลยไม่คิดอะไรมาก พอจะเข้าใจได้ว่า กลุ่มนี้คนใช้น้อย
สะดุตอน X-T3 อีกนิดนึง ตรงที่ไม่มี รุ่น Edition ออกมา แล้วก็ย้าย remote ไปอยู่ขวา แต่ก็ไม่อะไรมาก เพราะภาพรวมมันก็ยังใช่อยู่ ยังพอเข้าใจได้กับสิ่งทีเ่ป็น
ผมสะดุดหนักขึ้นตอน X-Pro3 เปิดตัว ผมไม่ติดอะไรกับ Hidden Rear Display นะ แต่ผมคาใจเรื่อง Directional Pad หายไป เหลือแค่ Joystick เพราะมันเท่ากับว่า Shortcut จะหายไป 4 ตัว
ใจผมก็ยังเข้าข้าง Fujifilm นิดนึงว่า Character ของ X-Pro 3 มันต่างออกไป ต้องการให้ Focus Moment ผ่าน Finder แล้ว Capture มากกว่ามาปรับกล้องตอนนั้น
แต่ไอ้ที่เข้าข้างไม่ลงคือ
“เอา Charger ออก แล้วขายราคาเท่าเดิม”
โอ้โห Professional Model ไม่แถม charger มา ก็เข้าใจได้ เพราะ Pro ซื้อแยกกันอยู่แล้ว แต่พี่ขายราคาเท่าเดิมเนี่ยนะ? มันไม่ใช่แล้วโว้ยยยยย
แล้วความพังของ X-Pro3 ก็หนักขึ้นเพราะ Quality ค่อนข้างแย่ Defect กันกระจาย ยิ่ง Durability Edition ทั้งหลาย ยิ่ง Defect กันหนักมากกกกกกกกก
แล้ว Fuji ก็ทำให้ผมผิดหวังอีกครั้ง กับกล้องที่ผมรอคอยอยู่ คือ X100V Premium Compact ตัวต่อจาก X100F แน่นอนว่าไอ้ที่ดีขึ้น ไอ้ที่ชอบมันก็มี แต่ไอ้ที่ไม่ชอบเลยคือ การตัด Directional Pad ทิ้ง ตัด Charger ทิ้ง แล้วขึ้นราคา ไปมากกกกกกกกก
แล้วก็หนังม้วนเดิมกับ X-Pro3 คนเจอ Defect กระจาย ทั้งงานประกอบ และ Over Heat มันน่าเศร้าจนผมเกือบจะกลับไปสอย X100F มาใช้อีกรอบเลยหล่ะ
ความเชื่อมั่นจบกันตอน X-T4 ที่รู้สึก Wierd ตั้งแต่เลขรุ่นไปยันสิ่งที่เป็น
– Charger มันตัดทิ้งเป็นการถาวรทุกรุ่นแล้วแน่นอน
– ใช้ Sensor ตัวเดียวกับ X-T3 ไม่ได้มีการ Upgrade ขึ้นมาแต่อย่างใด
– เป็นตัวแรกใน X-Series ที่ใช้เลข 4 ก่อนหน้านี้ X-A มีการ Skipped เลข 4 มาแล้ว โดยเป็น X-A3 แล้วใช้ X-A5 เลย ทั้งที่ Spec ไม่ได้ทิ้งอะไรกันมากขนาดที่จะบอกว่า “ข้ามรุ่น” เลย
– ยัด IBIS เข้ามาใน X-T Single Number Series ทั้งที่เคยบอกว่า “ทำไม่ได้ เพราะจะทำให้กล้องใหญ่ขึ้น ถ้ากล้องจะใหญ่ขึ้น แตก Line ใหม่เป็น X-H1 เลยดีกว่า" แล้ว Fuji ก็ยัดมา แถมทำให้กล้องใหญ่ขึ้นสวนทางกับที่บอกไว้อีกต่างหาก
– เปลี่ยน Rear LCD Display จาก 2 Way Tilt เป็น Full Articulate ที่เหมาะกับงาน VDO แต่ไม่เหมาะกับการ Vertical บน Tripod
ใช่ครับ X-T4 มันคือลูกผสม ที่ X-T โดน X-H NTR ออกมาเป็น X-T4 ผู้เหมาะกับงาน VDO แบบสุด ๆ ไปเลย แล้วก็ให้ความรู้สึกมันครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะ T ก็ไม่ใช่ จะ H ก็ไม่เชิง เป็น X-T3.5 มากกว่าจะเป็น 4
ตอนนี้ผมมีความสุขดีกับ X-T2, X-H1 และอาจจะมี X100F กลับมาอีกรอบ แต่ผมไม่เห็นว่ากล้องของ Fujifilm ตัวใหม่ ๆ ตอนนี้จะทำให้ผมรู้สึกมีความสุขได้อย่างไร คงต้องเว้นระยะกับ Fuji ไปก่อน อย่างมากก็สอย Lens บางตัวมาเล่น แต่ Body คงหยุดไปยาว ๆ เลยหล่ะ
ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปต่อ Fujifilm X Series
Reviewed by darkmaster
on
May 30, 2020
Rating:
No comments: